วันพุธที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Rainbow Cupcake: คัพเค้กสายรุ้ง

หายไปนานเกือบอาทิตย์เพราะไปล่องใต้มาค่ะ
ไปภูเก็ต เมืองเขาน่าอยู่ มีทั้งทะเล เนินเขา ยกเว้นสึนามินะ
แต่เสียดายที่ฝนตกทั้งวันและทุกวันที่ไปเลย
ที่ไปนี่จะเน้นกิน โดยเฉพาะอาหารที่ขึ้นชื่อของเขา
เช่น ร้านหมี่สะปำ
ก็ต้องมีหมี่สะปำ (เส้นคล้ายๆยากิโซบะแต่ไม่ผัด ใส่ไข่ดิบกับอาหารทะเล)
ร้านระย้า มีหมูฮ้อง คล้ายๆหมูพะโล้แต่มีพริกไทยดำ /
เส้นหมี่แกงกะทิเนื้อปู เด็ดมากจานนี้
น้ำพริกกุ้งเสียบและคั่วกลิ้งสมุนไพร พลาดไม่ได้เลยนะจานนี้ถ้าลงใต้
และอื่นๆอีกมากมาย เอื๊อก กลืนน้ำลายอีกรอบ

เรามาเข้าเรื่องของเรากันดีกว่า
ขนมที่จะมาโชว์วันนี้เหมาะกับสูตรสอนเด็กทำขนมนะ
เพราะสีมันน่ารักน่าหยิก ล่อใจซะเหลือเกิน
เห็นไอเดียนี้มาจาก Blog ของ Spearmint Baby
เอามาปรับกับสูตรเค้กชิฟฟอน

Rainbow Cupcake
ส่วนผสม
1.ส่วนของแห้ง ร่อน 2 ครั้ง
แป้งเค้ก 70 กรัม
ผงฟู 1 ช้อนชา
เกลือ 1/2 ช้อนชา

2. ส่วนของเหลว ผสมให้เข้ากัน
น้ำ 1/8 ถ้วย
น้ำมันพืช 1/8 ถ้วย
วนิลา 1/2 ช้อนชา

3.ส่วนไข่แดง ชามใหญ่
ไข่แดง 3 ฟอง
น้ำตาล 70 กรัม

4. ส่วนไข่ขาว ชามกลาง
ไข่ขาว 3 ฟอง
น้ำตาล 15 กรัม

5. สีผสมอาหาร
ม่วง ฟ้า เขียว เหลือง ชมพู หรือเรียงอะไรก็ได้ตามสไตล์เลยค่ะ

วิธีทำ

1. วอร์มเตาอบ ไฟบน-ล่าว 165 องศาเซลเซียสนะคะ
ไปดูที่ส่วนไข่แดง เอาไข่แดงกับน้ำตาลใส่ชาม
ตีด้วยความเร็วสูง 2 นาทีจนสีเหลืองอ่อนและเป็น Ribbons
คือยกหัวตีแล้วแบทเทอร์พับคล้ายๆริบบิ้น ไม่ข้นหรือไม่เหลวจนเกินไป


2. ใส่ส่วนของเหลวลงไป คนด้วยตะกร้อมือให้เข้ากัน


3. ใส่ส่วนของแห้งตะล่อมให้เข้ากัน ให้หมดผงแป้ง


4. คนให้เข้ากันเร็วๆ พักไว้ เราจะไปทำส่วนไข่ขาว


5. ตีไข่ขาวด้วยความเร็วสูง พอเนื้อคล้ายโฟมแล้วก็ลดสปีดต่ำ ใส่น้ำตาล
และค่อยเพิ่มเป็นสปีดสูงให้ตั้งยอดแข็ง


6. แบ่งส่วนไข่ขาวเป็นสามส่วนค่อยตะล่อมๆใส่ในชามไข่แดง จนครบหมด


7. เอาล่ะ เรามาถึงช่วงเวลาแห่งความสนุกแล้ว
คัพเค้กนี้มันจะสนุกก็ตรงที่ผสมสีนี่แหละ
เอาชามมาเรียงกัน 6 ใบ ส้อม 6 คัน
สีๆละ 2-3 หยด แล้วแต่ถ้าชอบโทนพาสเทลหรือเข้มๆจี๊ด
สีผสมอาหารตาม Spearmint เขาใช้ของไฮโซ เป็นสีนีออน
อิฉันก็ไม่มีปัญญา เอาสีวินเนอร์ไปก่อน ขวดละ 15 บาทเอง ใช้ได้เป็นปี
ผสมสีและคนให้เข้ากัน เยี่ยงในรูป
งัดพิมพ์คัพเค้กออกมา เรียงถ้วยกระดาษในหลุม ไม่ต้องทาอะไรเลย
หยอดสีตามสีรุ้งนะคะ แบบที่เราชอบท่องกัน
ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด แดง
ใครคิดว่าทำตามนี้ได้ เชิญเลยค่ะ จะได้สมจริง XD
แต่บางทีเราก็อแดปท์เอา ชอบสีล่างขวามาก น่ารักดี
หยอดสีเป็นชั้นๆ ไม่ต้องคนนะคะ มันจะเละและไม่เป็นชั้นๆ
เอาเข้าเตาอบ ไฟบน ล่าง 165 องศาเซลเซียส นาน 30 นาทีนะคะ


ลองเอาไปทำเล่นๆกันนะคะ สนุกมากกกกกกกกกกกแถมอร่อยด้วย

วันพฤหัสบดีที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เค้กวนิลาบลูเบอร์รี่ Blueberry Vanilla Sponge Cake

เป็นหนึ่งในบรรดาเค้กที่อยากทำมาตั้งนานแล้วรองจากชีสเค้ก
 ปกติเคยทำแต่บลูเบอร์รี่ชีสพาย
แต่วันนี้มาลองของใหม่ๆ สูตรนี้ได้ของคุณ Beebie มา
เค้กเขาสวยงามน่ากิน แต่ของเรานี่เบี้ยวเลยเบี้ยวอีก
อยากไปเข้าคอร์สแต่งเค้กมั่ง แต่ตอนนี้ฝึกเองไปก่อน
ทำเต็มที่แล้วง่ะ ทั้งการ์ด ทั้งสปาตูล่า 555  :3

เค้กบลูเบอร์รี่วนิลานี้จะแบ่งทำ 2 ส่วน
ส่วนแรกคือ ตัวเค้ก เป็นเนื้อสปันจ์
ส่วนที่ 2คือ วิปครีมใช้เป็นฟรอสติ้ง


เค้กวนิลาบลูเบอร์รี่ 3 ปอนด์
ส่วนผสม
แป้งเค้ก (พัดโบก) 1 ถ้วย
ผงฟู 1/2 ช้อนชา
เกลือ 1/4 ช้อนชา
ไข่ไก่เบอร์หนึ่ง 3 ฟอง
น้ำตาลทราย 100 กรัม
เอสพี 2 ช้อนชา
นม 50 กรัม
เนยจืด 30 กรัม
กลิ่นวนิลา 1 ช้อนชา

วิธีทำ
1. ปูกระดาษไขในพิมพ์เค้ก ไม่ต้องทาอะไร
ร่อนแป้ง+ผงฟู+เกลือ 2 ครั้ง พักไว้
ตอกไข่ใส่ชามตามด้วยน้ำตาล

2. เอาเอสพีป้ายที่หัวตะกร้อ ตีด้วยความเร็วปานกลางจนน้ำตาลละลายหมด
(รูปไม่ค่อยละเอียดนะคะ เพราะว่าทุลักทุเลมากเลย)

3. เมื่อน้ำตาลละลายหมด ใส่แป้ง+ผงฟู+เกลือ ตีจนเนื้อแป้งละลายเข้ากันกับไข่

4. จากนั้นเปลี่ยนเป็นความเร็วสูง ตี 8 นาที คอยปาดอ่างด้วยนะคะ
พอครบเปลี่ยนเป็นความเร็วต่ำ 1 นาทีเพื่อตัดฟองอากาศ
Batter จะข้นมากๆ
ระหว่างนี้วอร์มเตารอเลยค่ะ 175 องศาเซลเซียส ไฟบนล่าง
(Batter = ส่วนผสมระหว่างของเหลวและแป้ง)


5. เอานมกับเนยไปอุ่นในไมโครเวฟ ไฟแรง 1 นาที
เอาออกมาคนให้เข้ากัน


6. เราจะเอานมเนยที่ละลายมานี้ เทลงไปใน Batter เป็นสายอย่างสม่ำเสมอ
ตีด้วยความเร็วปานกลาง 2 นาที คอยปาดอ่างไม่ให้เนยไปนอนก้นอ่าง
เพราะเวลาอบ เค้กจะแข็งเป็นไต เหมือนเทียนไข น่าเกลียดมาก
เคยเจอมาแล้ว ตอนแรกงงมาก ก็ลองไปหาข้อมูลว่าทำไม
ก็เลยถึงบางอ้อ



7. เทวนิลลาและตีด้วยความเร็วปานกลางต่ออีก 1 นาที 
เทใส่พิมพ์ เคาะเบาๆ ปึ๊ปๆ เอาเข้าเตา
อบ 175 องศาเซลเซียส ไฟบนล่าง นาน 25-35 นาทีแล้วแต่เตา
เตาเราสุกที่ 30 นาที ใช้ไม้จิ้มแข่วเช็คเช่นเคย
แต่อย่าไปจิ้มแข่วแล้วเอามาจิ้มเค้กนะ 555

8. สุกแล้ว หน้าตาเป็นเยี่ยงนี้ ปล่อยให้หายร้อนซักพัก
ค่อยแซะๆ แกะออกมาผึ่งลมบนตะแกรง
พอเค้กเย็นก็สไลซ์แบ่งเป็น 2 ชั้น


ส่วนวิปครีมฟรอสติ้ง
ส่วนผสม
วิปปิ้งครีม 2 ถ้วย
น้ำตาลทรายป่น 3 ช้อนโต๊ะ

บลูเบอร์รี่ หรือสตรอว์เบอร์รี่ หรือ เชอร์รี่กระป๋อง
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
(เอา 2 อย่างนี้มาผสมกัน ถ้าใครชอบเปรี้ยวๆ ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องใส่น้ำมะนาว)

วิธีทำตามไปดูที่บทความเก่านี้เลยค่ะ > เคล็ดลับการตีวิปปิ้งครีมให้ฟู
ตรงน้ำตาลทรายให้ใส่ตอนที่วิปครีมยังเป็นน้ำอยู่นะคะ ทีละช้อนจนครบ

วิธีประกอบร่าง

1. เค้กชั้นล่าง <--ชนชั้นต่ำ 555 เป็นฐานนะคะ
โปะวิปครีม ปาดให้เรียบให้ทั่ว


3. ราดบลูเบอร์รี่ลงไปซะ เกลี่ยให้ทั่วๆกัน


4. เอาเค้กชั้นบนมาประกบ จากนั้นเอาวิปครีมที่เหลือโปะๆ ตกแต่งให้สวยงาม
ถ้าบ้านใครในครัวมีแอร์ก็จะดีนะคะ เพราะวิปครีมละลายง่ายมาก
ต้องหมั่นไปแช่เย็นตลอด


5. หน้าตาออกมาเป็นเช่นนี้


คิดว่าเค้กชิ้นนี้เหมาะกับคนชอบกินหวาน คือตัวเค้กมันจะหวานนิดหน่อย
และวิปครีมก็หวาน แต่ถ้าไม่อยากให้มันหวานทั้งหมดก็
อย่างที่บอกเกี่ยวกับบลูเบอร์รี่ให้ผสมน้ำมะนาว
รสชาติมันจะตัดกัน หวานเปรี้ยว  น่าจะโอเคดีนะคะ
ลองเอาไปทำดู ;)

วันอังคารที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ไก่ทอดราดซอสทาร์ทาร์ Fried chicken with Tartar Sauce

เมนูวันนี้ภูมิใจเสนอ ไก่ทอดราดทาร์ทาร์ครีมซอส
ประเด็นคืออยากจะทำทาร์ทาร์ซอส
ทาร์ทาร์ซอส (Tartar sauce) นี่หน้าตามันเป็นยังไง?
แน่นอนว่าไม่ใช่ครีมออฟทาร์ทาร์แบบที่เอามาทำขนมแน่นอน อย่าสับสนนะคะ
หน้าตามันก็คือไอ้ซอสขาวๆที่ราดบนไก่ข้างล่างนี้เอง
คงเคยเห็นที่ฟูจิจากเมนูปลาแซมอนทอดยัดไส้ จำไม่ได้ว่ามันชื่อว่าอะไร
แต่มันคือซอสเดียวกันเลยค่ะ 


เจ้าทาร์ทาร์ซอสนี่ส่วนใหญ่จะทานคู่กับเนื้อปลา เนื้อไก่
ใครชอบแบบไหนก็ลองทำดูนะคะ
เรามาดูส่วนผสมของทาร์ทาร์ซอสกันเลยดีกว่า

ทาร์ทาร์ซอส
ส่วนผสม
ไข่ต้มสุก 1 ฟอง
มายองเนส (ใช้ของคิวพีฝาแดง) 2 ช้อนโต๊ะ
โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
หอมหัวใหญ่สับละเอียดบีบเอาน้ำออก 1/2 หัว
พาร์สลีย์สับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1/2 ช้อนชา
พริกไทยดำป่น 1/2 ช้อนชา

วิธีทำ

1. ยีไข่ต้มให้ละเอียด ทำตอนโกรธท่าจะดี คงเละน่าดู

2. เอาส่วนผสมทุกสิ่งทุกมวลมาผสมให้เข้ากันด้วยตะกร้อมือ

3. Tadaaaa.. หน้าตามันก็จะเป็นเช่นนี้ ลองชิมๆดูตามความชอบ
ปกติซอสมันจะเปรี้ยวๆมันๆ เอาไปแช่เย็นรอ
KEY*: ควรจะบีบเอาน้ำออกจากหอมหัวใหญ่ให้หมด
จะช่วยลดความเผ็ดและขมออกไป


คราวนี้มาถึงเนื้อที่จะทานคู่กับซอส ใครจะเลือกแซมอน ปลาอื่นๆหรือเนื้อไก่ก็ไม่ว่า
เพราะวิธีปรุงแบบเดียวกัน

ไก่ทอดชุบเกล็ดขนมปัง
ส่วนผสม
อกไก่ลอกหนังหั่นหนาประมาณ 1 1/2 ซม
แป้งทอดกรอบ
ไข่ตีให้เข้ากันไม่ต้องให้ฟูแบบไข่เจียว 1 ฟอง
เกล็ดขนมปัง
เกลือ พริกไทย

วิธีทำ

1.ล้างไก่ให้สะอาด ซับให้แห้ง หมักด้วยเกลือและพริกไทย อย่างละ 1/2 ช้อนชา/ชิ้น
หมัก 30 นาทีขึ้นไป เสร็จแล้วซับให้แห้ง

2. เอาไปชุปแป้งทอดกรอบให้ทั่วทั้งชิ้น

3. ชุบไข่ต่อ กลิ้งๆให้ทั่ว


4. สเต็ปต่อไป ชุบเกล็ดขนมปัง

5. เอาไปทอด ไฟปานกลางค่อนข้างแรง น้ำมันท่วมแบบ deep fried
แต่ในรูปท่วมแค่ครึ่ง 555 จะสุกนานหน่อย
สุกแล้วตักขึ้น ซับน้ำมันออก

6. ทานคู่กับผักสลัดและราดทาร์ทาร์ซอสโปะลงไปเลย!!!


วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Chocolate Lava

อย่างที่บอกไปว่าตู้เย็นเสีย ของต่างพากันเสียโดยมิได้นัดหมาย
แทบกรี๊ดค่ะ เรื่องของกินเนี่ย (*0*!)
เลยอยากจะโละๆของที่ยังไม่(มีแววจะ)เสีย อย่างช็อคโกแลต
ซื้อมาหลายเดือนและ แต่ไม่ได้ทำอะไร กลัวมันจะเหลวเป๋วซะก่อน
ฤกษ์งามยามดีก็ลองทำ Chocolate Lava (Chocolate Fondant)
เพื่อ Chocolat Lover อีกรอบ
ครั้งแรกเคยทำแต่ไส้มันไม่ค่อยไหลทะลักเท่าที่ควร
ก็พยายามสรรหาสูตรใหม่ที่น่าเชื่อถือ สูตรนี้ได้จากคุณ Kate แต่ก็ตัดทอนบางส่วน
พอดีไม่ชอบกินหวานเกินไปค่ะ
ส่วนผสมไม่เยอะและวิธีทำสั้นด้วยค่ะ
แต่คิดว่าขนมนี้จะอร่อยก็ตรงช็อคโกแลต ถ้าเลือกของดียังไงก็อร่อย


CHOCOLATE LAVA (2 ถ้วย)
ส่วนผสม
ดาร์คช็อคโกแลต 120 กรัม
น้ำตาล          2 ช้อนโต๊ะ
ไข่ไก่เบอร์หนึ่ง     2 ฟอง
แป้งสาลีเอนกประสงค์  1  1/2 ช้อนโต๊ะ
เนยจืด               50 กรัม
วนิลา          1/4 ช้อนชา

วิธีทำ
1. เอาช็อคโกแลตสับเป็นก้อนเล็กรวมกับเนยจืด
ใส่ชามเข้าไมโครเวฟประมาณ 1 นาที ไฟแรงสุด
ถ้าเนยหรือช็อคโกแลตยังเป็นก้อนอยู่ให้อุ่นต่ออีก 10 วินาที
เสร็จแล้วเอาออกมาคนๆให้เข้ากัน
ช็อคโกแลตที่ได้ออกมาจะเหลวๆเงาๆ

2. ทิ้งไว้ให้หายร้อนซักพัก จากนั้นเทวนิลลาตามลงไป คนให้เข้ากัน


3. ตามด้วยน้ำตาลและเกลือ คนให้เข้ากันจนน้ำตาลละลายหมด


4. เปลี่ยนชามและ เริ่มรู้สึกจะล้นถ้วยผสมอันบน
ถ้าใครมีชามแก้วทนไฟใบใหญ่ใช้ตั้งแต่ละลายช็อคโกแลตเลยก็ได้นะคะ
แต่พอดีเราไม่มี เลยต้องมาถ่ายชามเอา
พอน้ำตาลละลายก็ใส่แป้งลงไป ตีให้เข้ากัน


5. จากนั้นเสียบตะกร้อไฟฟ้า ค่อยๆเทใส่ลงไปทีละฟอง
ตีด้วยความเร็วปานกลาง 10 นาที


6. ตัว Batter* จะสีอ่อนขึ้น อย่างในรูปข้างล่าง


7. หาถ้วย ramekin แบบนี้มาทาเนยบางๆรอบถ้วย


8. เท Batter ลงไปในถ้วย หาพลาสติกคลุม แช่ตู้เย็น 1 ชั่วโมง


9. พอใกล้ถึงเวลาก็วอร์มเตา 175 องศา 10 นาที พออุณหภูมิคงที่
ก็ยัดใส่เตาอบ 11 -12 นาทีค่ะ
โปะใส่ถ้วยเก๋ๆค่ะ คราวนี้ไส้ทะลักล้นสมใจอยากเลยค่ะ
ชอบมั่กกกกกก

วันอาทิตย์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ข้าวผัดน้ำพริกลงเรือ

ช่วงนี้หน้าฝน ฝนตกเกือบทุกวันเลย แถวบ้านบางคนดีหน่อยก็ท่วมน้อย
บางบ้านก็เหมือนจะแจวเรือได้เลย อากาศอึมครึมอย่างงี้
หาอะไรทานแก้ง่วงดีกว่า หาเมนูให้เข้ากับบรรยากาศด้วยนะ
นั่นก็คือ "ข้าวผัดน้ำพริกลงเรือ" นั่นเอง
อย่างที่รู้กันว่าข้าวผัดน้ำพริกลงเรือนี่มีเครื่องเคียงเยอะมาก
เรามาเริ่มจากการทำเครื่องเคียงก่อนเลย
วันนี้ทำเครื่องเคียง 2 อย่างพอ คือ หมูหวานกับกุ้งทอดกรอบ
หรือใครจะเพิ่มเติมด้วยไข่ทอด ไข่เค็มก็ดีนะคะ
ส่วนอุปกรณ์มีแค่ครกไว้ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำกับกระทะก็พอ

ส่วนผสมทั้งหมดที่ต้องเตรียม
หมูหวาน
น้ำตาลทรายแดง 1/4 ถ้วย
น้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ
หมูสามชั้น
ซอสปรุงรส
น้ำปลา

กุ้งทอดกรอบ
กุ้งลวก
แป้งทอดกรอบ
น้ำเปล่าเล็กน้อย

ข้าวผัดน้ำพริกลงเรือ
ข้าวกล้อง/ข้าวหอมมะลิ 2 ถ้วย
กะปิเผา 2 ช้อนโต๊ะ
(ใครไม่สะดวกเอาไปเอาเผาก็ห่อกระดาไขหรือใบตองเข้าไมโครเวฟไฟแรง 30 วินาที)
พริกขี้หนู
กระเทียมปอกเปลือก 1 หัว
น้ำตาลปี๊ป 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
กุ้งแห้ง



หมูหวาน
วิธีทำ
1. ตั้งกระทะด้วยไฟอ่อน ใส่น้ำและน้ำตาลทรายแดงเคี่ยวให้เดือด

2. ใส่หมูสามชั้นที่หั่นพอดีคำลงไปผัดให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยซอสปรุงรสและน้ำปลา

กุ้งทอดกรอบ
วิธีทำ
1. ล้างกุ้ง แกะเปลือก ผ่าเส้นดำที่หลังหรือขี้นั่นเองออก
เอาไปลวกในน้ำเดือดพอสะดุ้งน้ำจากนั้นใช้ส้อมขูด ยีๆ

2. ผสมแป้งทอดกรอบเล็กน้อยกับน้ำเย็นเล็กน้อย
เอาลงทอดในน้ำมันร้อนๆ


3. ตักสะเด็ดน้ำมัน พักไว้

 

ข้าวผัดน้ำพริกลงเรือ
วิธีทำ
1. ตำน้ำพริกกันนะคะ โดยเอากุ้งแห้งตำให้ฟู พักไว้
จากนั้นเอากระเทียมตำให้แหลก ใส่กะปิเผา น้ำตาลปี๊ป พริกขีหนู กุ้งแห้งเมื่อสักครู่
ตำให้เข้ากัน จากนั้นปรุงรสด้วยน้ำมะนาว

เป็นอาหารพื้นบ้านก็ต้องตำบนพื้นบ้านอย่างนี้นี่แหละ


ตำๆๆๆๆๆๆๆ

2. ส่วนใหญ่ข้าวที่จะเอาผัด เขามักจะเอาข้าวเย็น
คือเป็นข้าวค้างคืนแช่ในตู้เย็นนั่นเอง เพราะผัดออกมาเม็ดจะสวย ไม่เละ


3. เอาน้ำพริกลงผัดบนกระทะ ไม่ต้องใส่น้ำมัน ไฟปานกลาง


4. ผัดให้น้ำพริกหอม จากนั้นเอาข้าวลงไปผัด ให้เข้ากับน้ำพริก ทานกับเครื่องเคียง