วันพุธที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2553

Chocolate cake with chocolate pudding frosting : เค้กช็อคโกแลตหน้านิ่ม

เย็นนี้จะไปเจอเด็กๆ ซึ่งเป็นน้องๆของเพื่อน
เห็นท่าทางเป็นเด็กกินง่าย เลยอยากเอาของติดไม้ติดมือไปฝาก
วันนี้ไม่ต้องซื้อส่วนผสมอะไรเพิ่มเลย
เพราะเป็นของที่มีอยู่ในบ้านอยู่แล้ว
ก็ขอเมนูง่ายๆแต่กินได้ทั้งครอบครัว
นั่นก็คือ เค้กช็อคโกแลตหน้านิ่ม
คือคล้ายๆจะเป็นเมนูบังคับที่ผู้ที่ชื่นชอบในการอบขนมต้องลองทำ
เพราะมันง่ายดีค่ะ แต่ก็ไม่มากนะ
เนื้อเค้กนุ่มมากกกกกกกกกกกกกกกกแต่ก็มีความริชของช็อคโกแลต (โกโก้)
แต่มาตกม้าตายตอนราดหน้าช็อคโกแลตนี่แหละ
ไม่เคยเนียนเลย เคยเนียนอยู่ครั้งนึงแต่คราวนั้นไม่อร่อย
เฮ้อ ขาดๆเกินๆ ต้องฝึกทำบ่อยๆมั้งถึงจะออกมาสวยงามแบบที่อยากได้

เค้กช็อคโกแลตหน้านิ่ม


ส่วนผสม แบ่งออกเป็น 3 ส่วน


ส่วนที่ 1
แป้งเค้กตราพัดโบก 80 กรัม
น้ำตาลทรายป่น 90 กรัม
ผงโกโก้ 25 กรัม
ผงฟู 1/4ช้อนชา
เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
เบกกิ้ง 1/2 ช้อนชา


ส่วนที่ 2
ไข่แดง 2 ฟอง
น้ำเปล่า 50 กรัม
น้ำมันพืช 65 กรัม
นมข้นจืด 25 กรัม
น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
วนิลา 1 ช้อนชา


ส่วนที่ 3
ไข่ขาว 2 ฟอง
ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/4 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 45 กรัม

ส่วนผสมหน้าเค้กช็อคโกแลต
ก็แบ่งเป็น 3 ส่วนเช่นกัน
ส่วนที่1
น้ำเปล่า 300 กรัม
น้ำตาลทราย 200 กรัม
นมข้นจืด 200 กรัม
ผงโกโก้ 50 กรัม
ผงวุ้น 1 ช้อนชา

ส่วนที่ 2
แป้งข้าวโพด 40 กรัม
นมข้นจืด 150 กรัม
ใส่ถุงแกงแล้วมัดให้แน่น เขย่าๆให้แป้งละลาย

ส่วนที่ 3
เนยจืดหั่นเป็นชิ้นเล็ก 150 กรัม

วิธีทำเค้ก

1. วอร์มเตา 180 องศาเซลเซียส ไฟล่าง
แต่เตาเราไฟล่างอย่างเดียวไม่เวิร์ค ต้องเป็นบน-ล่าง
ไปดูที่ส่วนผสมแรกที่เป็นส่วนของแห้งกันก่อนนะคะ
หาชามผสมใบใหญ่แล้วนำส่วนผสมทั้งหมดร่อนเข้าด้วยกัน 2 ครั้ง
จากนั้นทำหลุมตรงกลางแบบภาพด้านบน


2. ไปดูที่ส่วนผสมที่2 เทใส่ถ้วยใบเล็กๆรวมกัน แล้วตีพอเข้ากัน
ไม่ต้องตีจนฟูแบบไข่เจียวนะ
จากนั้นเทใส่หลุมตรงกลางที่ทำไว้


3. อาศัยความเร็วค่ะช่วงนี้
เตรียมหาผ้ามาเช็ดบริเวณรอบๆเลย
ให้ใช้ตะกร้อมือคนอย่างเร็วและแรง ใช้เวลาสั้นๆแค่พอแป้งละลาย
มิฉะนั้นเนื้อเค้กจะเหนียว
อันนี้คือเคล็ดลับการทำเค้กชิฟฟอนนะคะ
จากนั้นวางพักไว้ เราไปดูไข่ขาวเพื่อมาผสมต่อ


4. ไปที่ส่วนผสมส่วนที่ 3 หาชามผสมใบกลางมาใส่ไข่ขาวและครีมออฟทาร์ทาร์
ให้ใช้ตะกร้อไฟฟ้า ตีด้วยสปีดสูง พอขึ้นฟองละเอียด
ให้ใส่น้ำตาลทรายลงไปทีละช้อน ค่อยๆทะยอยใส่จนหมด
ตีประมาณ 4 นาที ให้ตั้งยอดและตีต่ำ 1 นาทีเพื่อตัดฟองอากาศ
จากนั้นแบ่งเป็น 2 ส่วนมาตะล่อมให้เข้ากับส่วนของชามใหญ่
ตะล่อมเบาๆ มิฉะนั้นไข่ขาวจะยุบ ทำให้เค้กไม่ฟู
ตะล่อมให้เนื้อเข้ากันดีนะคะ เราใช้ตะกร้อมือก่อน และเก็บสุดท้ายด้วยพายยาง


5. เทใส่พิมพ์ที่มีกระดาษไขปูไว้
ยกขึ้นมาระดับอกแล้วกระแทกกับโต๊ะ 1 ครั้ง ให้ฟองอากาศขึ้นมา
จากนั้นนำเข้าเตาอบ
ไฟ 180 องศาเซลเซียส ไฟล่าง
อย่างที่บอกเราใช้ บน-ล่าง
เลยเอาฟอยล์มาคลุมหน้าแทน
อบนาน 27 นาที เตาของเรานะ แต่ปกติจะอยู่ราว 25-35 นาที
ต้องหมั่นเช็คด้วยไม้จิ้มฟันนะคะ
อย่าเอานานไปเค้กจะร่วน


6. ทิ้งเค้กไว้ในพิมพ์ประมาณ 5 นาทีให้อยู่ตัว
แล้วแซะออกจากพิมพ์ วางผึ่งบนตะแกรงให้หายร้อน
เราไปดูหน้าเค้กกันต่อ

วิธีทำหน้าเค้กราด


1. นำส่วนผสมหน้าเค้กส่วนที่ 1 มาผสมด้วยตะกร้อมือให้เข้ากันในหม้อ
จากนั้นนำไปตั้งไฟอ่อน คนๆเป็นระยะ รอจนเดือด



2. พอเดือดให้ลดไฟลงอีก ใส่ส่วนผสมที่ 2 ลงไป
ระหว่างนี้ต้องคนเรื่อยๆ น้ำจะข้นขึ้น
ข้นให้ส่วนผสมทั้งหมดเนียน


3.ใส่เนยตามไป คนจนละลาย แล้วปิดไฟ


4. เนื้อจะเนียนๆแบบนี้ แต่ข้นนะคะ ทิ้งไว้ให้อุ่น


5. กลับไปดูที่เค้ก คงหายเย็นแล้วให้สไลซ์ 2 ชั้น
และราดหน้าเค้กลงไปชั้นแรกพอเซ็ทตัวแล้ว
ค่อยเอาเค้กชั้นบนมาโปะ แล้วราดหน้าช็อคฯที่เหลือตรงกลางเค้ก
โดยยกหม้อขึ้นสูงๆ ให้หน้าเค้กไหลทั่วเค้ก
จากนั้นนำไปแช่เย็นให้หน้าเค้กเซ็ทตัว
ประมาณ 30 นาที
แล้วค่อยนำมาตัดแบ่งค่ะ


วันจันทร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2553

Cantaloupe Shake: ชื่นใจกับแคนตาลูปเชค

ช่วงนี้ฝนตกบ่อย แต่บางวันก็ร้อนซะไม่มี
เรามาหาเครื่องดื่มดับร้อนกันหน่อยดีมั้ย
ได้แคนตาลูปมาจากตลาดไท
ดอง(ไม่ใช่ดองเค็ม)ทิ้งไว้เกือบอาทิตย์
กะบ่มให้สุกเต็มที่
ส่วนวิธีทำง่ายมาก แค่มีเครื่องปั่นน้ำผลไม้ก็พอแล้ว

แคนตาลูปเชค เชค เชค


แคนตาลูปหั่นเป็นชิ้น 1/2 ลูก
น้ำเชื่อม 3-4 ช้อนโต๊ะ
นมข้นจืด 1/3 ถ้วย
น้ำแข็งเกล็ด 1 ถ้วย

วิธีทำ

1. ใส่ส่วนผสมทั้งหมด ยกเว้นน้ำแข็งลงไปในโถปั่น
ปั่นจนเนื้อละเอียด


2. ใส่น้ำแข็งเกล็ดลงไปปั่นตาม ให้น้ำแข็งละเอียด
ลองชิม ถ้าหวานไปใส่น้ำแข็งเพิ่ม
ถ้าจืดไป ใส่น้ำเชื่อมเพิ่ม
เทใส่แก้ว รับประทานตามอัธยาศัยค่ะ


ง่ายมากเห็นมั้ย อร่อยด้วย

วันพฤหัสบดีที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2553

Filipino yellow sponge cake AKA "Mamon": เค้กมาม่อน

วันนี้เอาขนมที่เขาว่ากันว่ามีที่มาจากประเทศฟิลิปปินส์
ซึ่งได้รับความนิยมในบ้านเรา คือบ้านเรานี่เอามาหมดนะจริงๆแล้ว
เมืองไทยมีทุกอย่างจริงอะไรจริง
บ้านเราเรียกขนมนี้ว่า มาม่อนเค้ก หรือ เค้กมาม่อน
ขายเป็นกล่อง มี 4 ชิ้น ราคาตกที่ 35 บาท
ตอนแรกที่ยังไม่เคยทำ ก็ลองซื้อมาชิมก่อน
มีให้เลือกหลายอย่าง เช่น มาม่อนลูกชิด ลูกเกด ฝอยทอง ฯลฯ
หลังจากนั้นก็หาสูตรลองทำเอง ทำครั้งแรกก็รสชาติอร่อย นุ่มลิ้น ติดใจค่ะ
แต่คราวนั้นไม่ได้ถ่ายรูปเป็น instruction ไว้เหมือนคราวนี้
และอีกอย่างคราวแรกหน้ายุบ ไม่ฟอร์มตัวเหมือนทำคราวนี้
อาจจะเป็นเพราะคราวแรกตีไข่ขาวไม่ได้ที่ เท่าที่ควรจะเป็น
เอาละ เรามาดูกันว่าเราต้องเตรียมอะไรบ้าง
ใกล้เคียงขนมไข่บ้านเราทีเดียวเชียว

MAMON - FILIPINO YELLOW SPONGE CAKE


สูตรคุณจุ๋ม แม่สลิ่ม
ส่วนผสม
แป้งเค้กตราพัดโบก 100 กรัม
ผงฟู 1/2 ช้อนชา
น้ำตาลทรายป่น 100 กรัม
ไข่ขาว 3 ฟอง
ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/2 ช้อนชา
ไข่แดง 3 ฟอง
น้ำมัน 1/4 ถ้วย
วนิลา 1 ช้อนชา
เกลือ 1 หยิบนิ้ว

โรยหน้า
เชดดาร์ชีสขูด


วิธีทำ

1. ร่อนแป้งเค้ก+ผงฟูเข้าด้วยกัน 2 รอบ

2. วอร์มเตา 180 องศาเซลเซียส ไฟบน-ล่าง

3. เอาไข่ขาวใส่ชามไร้มันไร้คราบ เหยาะครีมออฟทาร์ทาร์ลงไป
ตีด้วยความเร็วปานกลาง พอฟองหยาบๆเกือบละเอียดให้ใส่น้ำตาลทรายป่นทีละช้อนลงไป
พร้อมปรับเป็นสปีดสูง ทะยอยใส่น้ำตาลจนกว่าจะหมด ตีประมาณ 5 นาที
จนไข่ขาวตั้งยอดแบบ Firm Peak คือไม่อ่อนและไม่แข็งจนเกินไป เป็นเงา



4. เอาไข่แดง + น้ำมันพืช + วนิลา และเกลือ ตีพอเข้ากันใส่ในแก้ว


5. กลับมาที่ชามไข่ขาวต่อ เปิดตะกร้อไฟฟ้าอีกครั้ง สปีดสูง
เทส่วนผสมไข่แดงข้างน เป็นสาย ตีประมาณ 1 นาทีให้เข้ากัน
หยุดเครื่อง ปาดอ่าง ถ้ามีไข่แดงหรือน้ำมันนอนก้นให้ตีเพิ่มจนเข้ากัน


6. ปรับสปีดต่ำตีต่อ 1 นาทีเพื่อตัดฟองอากาศ
เนื้อแบทเทอร์ที่ได้ออกมาจะมีลักษณะแบบภาพด้านบน คือไม่เหลวและไม่ข้นจนเกินไป


7. ปาดอ่าง จากนั้น ให้เอาส่วนผสมของแห้งในข้อ 1 ที่ร่อนแล้ว
แบ่งเป็น 3 ส่วน ทะยอยใส่ครั้งละส่วน แล้วตะล่อมด้วยตะกร้อมือให้เข้ากัน
ให้แป้งละลาย แล้วทำจนกว่าแป้งจะหมด

8. เนื้อแบทเอทร์ก็ไม่ต่างจากตอนยังไม่ใส่แป้งมากนัก แต่จะข้นนิดหน่อย
ตักใส่พิมพ์ เอาเข้าเตา 180 องศาเซลเซียส ไฟบน-ล่าง
นาน 11-15 นาที เราใช้เวลาประมาณ 12 นาที กำลังดี


9. ไม้จิ้มฟันเช็คตรงกลางแล้ว ไม่มีเศษเค้กติดออกมา ทิ้งในเตาอีกซัก 1 นาที
กันหน้ายุบ แล้วเอาออกมาวางทิ้งไว้ 2 นาทียังไม่ต้องเอาออกจากพิมพ์


10. จากนั้น เอาออกจากพิมพ์ วางผึ่งบนตะแกรง


11. เราจะโรยหน้าด้วยชีส ใช้เชดดาร์เอามาขูดเอง


12. โรยหน้าให้สวยงาม น่าทาน .. มั้ย


13. เนื้อนุ่มมาก ละลายหายไปเลยในปาก
สูตรนี้ทำได้ 11-12 ถ้วยนะคะ
ใครที่อยากใส่ออพชั่นอื่นๆเพิ่มเช่น ลูกชิด ลูกเกด ก็ให้ใส่ตอนที่เทแบทเทอร์ใส่พิมพ์
เอาเข้าอบพร้อมกัน ก็อร่อยไปอีกแบบ
หรือจะเอาพวกแยมส้ม แยมผลไม้ ฝอยทอง มาทาหรือโรยหน้าแทนชีสก็ได้ค่ะ

วันอังคารที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2553

My DIY salmon and mascarpone pasta สปาเก็ตตี้ซอสแซลมอนและมาสคาร์โปเน่แบบDIY

สูตรอาหารวันนี้ขอบอกว่าเป็นแบบคิดเอามั่วๆซั่วๆ
แต่ไม่ใช่ตำซั่วแน่นอน
โดยมีของเหลือในตู้เย็นเอามา Do It Yourself เพราะ overload มากๆ
ของไม่รู้จะเยอะไปไหน เหมือนกระเป๋าผู้หญิงทุกคน
ที่แบบให้ซื้อขนาดใหญ่เท่าไหน ก็ใส่ไม่พอ
ตู้เย็นที่บ้านก็ไม่ค่อยจะดี รามันขึ้นบ่อย เวลาเราแกะอาหารออกจากกล่องหรือกระป๋อง
ทางที่ดีควรใช้ให้หมดโดยเร็ว 
ตอนนี้ของที่เหลือในตู้เย็นก็มี
เนื้อมะเขือเทศเข้มข้นที่เคยซื้อมาทำลาซานญ่า
 ชีสกรูแยร์ซื้อมาทำกิซ
ชีสมาสคาร์โปเน่ อันนี้ทำทีรามิสุ
ปลาแซลมอน อันนี้ของฟรี
อื้มมมมมม และก็มีสปาเก็ตตี้อยู่ในตู้
อะไรจะพอเหมาะพอเจาะขนาดนี้ ทำพาสต้าซะเลยละกัน
แต่ไม่มีรูปตอนทำ เพราะกะทำกินเล่นๆแต่ดันออกมาดี 555
ได้ถ่ายตอนจาน 2 นี่แหละ
ส่วนสูตรไม่เที่ยงตรงมากนักแต่ใกล้เคียง ประมาณเอานะคะ


 Yv3lin3's salmon and mascarpone spaghetti
(2 - 3 persons)

ส่วนผสม
- เส้นสปาเก็ตตี้ 2 กำมือ
- ปลาแซลมอนหั่นชิ้นเล็กประมาณ 50 กรัม
- เนื้อมะเขือเทศบดเข้มขน 1/2 ช้อนโต๊ะ
- กระเทียมสับละเอียด 3 กลีบ
- เนยจืด/ มาการีน 1 ช้อนโต๊ะ
- นมสดรสจืด 1/2 ถ้วย
- วิปครีม 1/2 ถ้วย
- มาสคาร์โปเน่ 2 ช้อนโต๊ะ
- ใบพาร์สลี่ย์สับละเอียด 1 ต้น
- คนอร์รสไก่ 1 ช้อนชา
- เกลือ พริกไทย

วิธีทำ

1. ต้มเส้นสปาเก็ตตี้ให้ al dente นะคะ
การต้มเส้นก็สำคัญมาก ไม่แพ้ซอส
ควรต้มน้ำให้เดือด พอน้ำเดือดค่อยใส่เกลือประมาณ 1 หยิบมือ
แล้วกำเส้นหย่อนลงกางหม้อ ปล่อยมือ เส้นมันจะเรียงเป็นวงกลมเอง
ไม่ต้องเอาหักเส้นหรือเขี่ยให้มันลงน้ำเร็วๆนะคะ
แล้วพอโดนน้ำเดือดมันจะค่อยๆไหลลงไปเอง
ดูเวลาต้มข้างซอง หรือ เอาส้อมตักขึ้นมา ลองเคี้ยวว่าตรงกลางสุก ไม่แข็ง
ก็ใช้ได้นะคะ เสร็จแล้วตักเส้นขึ้น สะเด็ดน้ำ เอาไปผ่านน้ำเย็น สะเด็ดน้ำอีกรอบ
คลุกน้ำมันมะกอกซัก 1 ช้อนโต๊ะให้ทั้ว พักไว้
ถ้านานก็หาหม้อที่มีฝามาปิดไว้
ทางที่ดี เราควรกะเวลาแล้วทำเส้นกับซอสในเวลาต่อเนื่องกันนะคะ

2. เรามาดูวิธีทำซอสแบบมั่วๆแต่มีหลักการ ขัดแย้งกันมั้ย?
ตั้งกระทะไฟกลางค่อนอ่อน ใส่เนยให้ละลาย

3. เอากระเทียมสับลงไปผัดให้หอม ตามด้วยเนื้อมะเขือเทศบดเข้มข้น
ผัดให้เข้ากัน สีสวยๆ

4. จากนั้น เทวิปครีมตาม ผัดให้เข้ากับมะเขือเทศ

5. ใส่มาสคาร์โปเน่ตามด้วยนมสด ให้เดือดปุดๆ

6. ใส่ปลาแซลมอนลงไป ผัดให้สุก

7. ปรุงรสด้วยคนอร์ พริกไทยและเกลือ 1 หยิบมือ

8. ใส่พาร์สลี่ย์สับเพิ่มความหอม

9. ปิดไฟ เตรียมเส้นสปาเก็ตตี้ใส่จานแล้วตักซอสราด
ทานคู่กับไวน์ขาวสวยๆ ค่ะ

อร่อยจริงๆ ยังติดใจอยู่เลย


วันอาทิตย์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2553

Chocolate cupcake with Nutella-Hazelnut filling: คัพเค้กช็อคโกแลตสอดไส้นูเตลล่ากับถั่วเฮเซลนัท

เมื่อวานเพื่อนจัดปาร์ตี้วันเกิด
เราก็อยากทำอะไรเล็กๆน้อยๆไปให้
แต่ก็มีเวลาเตรียมตัวไม่มาก
แล้วงานจัดในผับ ถ้าเอาเค้กไปให้ก็คิดว่าคงต้องหามีด หาจาน หาช้อน
ก็เลยคิดว่าทำในรูปแบบคัพเค้กดีกว่าเพราะทานสะดวกดี
และก็จริง เพราะเพื่อนดิฉันใช้มือหยิบเลยค่ะ ฮามาก
พูดถึงคัพเค้กนั้นก็มีอยู่หลายสูตร
ไม่รู้จะเอาสูตรไหนเลย
วันนี้ขอเป็นสูตรนุ่มๆชุ่มๆรสช็อคโกแลตแล้วกัน
โดยองค์ประกอบของคัพเค้กตัวนี้เราลองคิดขึ้นมาเอง
เพราะคิดว่าเพื่อนน่าจะชอบ
คือ ตัวเค้กเป็นช็อคโกแลต ฟรอสติ้งเป็นคาราเมลบัตเตอร์ครีม
 และสอดไส้นูเตลล่าและถั่วเฮเซลนัท
ให้มีความรู้สึกไม่ใช่แค่ทานเนื้อเค้กอย่างเดียว สรุปแล้วลงตัวมากเลย

Chocolate cupcake and Caramel Butter Cream
with Nutella-Hazelnut filling
(6 cups)


ส่วนผสมตัวเค้ก (สูตร tiny bakery)
แป้งเค้ก 3/4 ถ้วย
ผงฟู 1/2 ช้อนชา
เบกกิ้งโซดา 1/4 ช้อนชา
เกลือ 1/8 ช้อนชา
ผงโกโก้ 1/2 ถ้วย
เนยจืดอุณหภูมิห้อง 56 กรัม
น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
ไข่ไก่เบอร์ศูนย์ 2 ฟอง
นมสดรสจืด 1/2 ถ้วย
วนิลา 1 ช้อนชา

ส่วนผสมคาราเมลบัตเตอร์ครีม
เนยขาวอุณหภูมิห้อง 34 กรัม
เนยจืดอุณหภูมิห้อง 56 กรัม
น้ำตาลทราย 75 กรัม
นมข้นจืด 16 กรัม
น้ำ 22 กรัม
คาราเมล (น้ำตาล 34 กรัม, เนย 1 ช้อนโต๊ะ ,วิปปิ้งครีม 1/4 ถ้วย)

ส่วนผสมไส้ตรงกลาง
นูเตลล่า 2 ช้อนโต๊ะ
ถั่วเฮเซลนัทอบกรอบสับหยาบ
 ปริมาณตามชอบหรือจะเป็นอัลมอนด์ เม็ดมะม่วงฯ etc.

วิธีทำตัวเค้ก


1. ทิ้งทุกสิ่งไว้ที่อุณหภูมิห้อง ร่อนแป้งเค้ก+ผงฟู+เบกกิ้งโซดา+เกลือ+ผงโกโก้ 2 ครั้ง
จะเรียกส่วนนี้ว่าของแห้ง

2. วอร์มเตา 180 องศาเซลเซียส ไฟบนล่าง


3. ตีเนยจนขึ้นฟูด้วยตะกร้อไฟฟ้าสปีดกลาง
ซักพักใส่น้ำตาลทีละช้อนลงไป ตีประมาณ 3-5 นาที
ให้เนยมีสีอ่อนลงและขึ้นฟูแบบรูปข้างบน


4. จากนั้นหยุดเครื่อง ปาดอ่าง ตีสปีดกลางต่อ ใส่ไข่ลงไปตีทีละฟอง
พอใส่ครบแล้ว หยุด ปาดอ่าง ให้ส่วนผสมเข้ากัน


5. ต่อไปจดดีๆนะคะ แบ่งส่วนผสมของแห้งในข้อ 1 เป็น 3 ส่วนเท่าๆกัน
และแบ่งนมใส่วนิลาเป็น 2 ส่วนเท่ากัน
วิธีคือ ใส่ แป้ง - นม - แป้ง - นม - แป้ง
ขั้นแรกใส่แป้งลงไปใช้พายยางตะล่อมให้เข้ากัน มันจะไม่ค่อยละลายมากนักไม่เป็นไร
ให้ใส่นมตาม มันจะช่วยละลายของแห้ง ตะล่อมๆ ทำซ้ำตามวิธีด้านบนจนครบ


6. แบทเทอร์ก็จะได้ประมาณนี้ ริชช็อคโกแลตมาก


7. ตักใส่ถ้วย เข้าอบ 15-20นาที อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส
พอครบ 20 นาทีก็เอาออกมาเลย ลองเช็คตัวเค้กดูด้วยไม้จิ้มฟัน
วิธีทำคาราเมลบัตเตอร์ครีม

วิธีทำคาราเมลบัตเตอร์ครีม
ส่วนนี้ไม่ได้ถ่ายภาพเลยเพราะรีบมาก กลัวทำไม่ทัน
จริงๆมันจะแบ่งเป็น 2 ส่วนนะ คือ คาราเมลกับบัตเตอร์ครีม
วิธีทำคาราเมลง่ายๆ คลิกที่นี่ อยู่ในสูตรบานอฟฟี่ค่ะ
วิธีทำบัตเตอร์ครีม คลิกที่นี่ เลื่อนไปช่วงล่างๆนะคะจะมีเขียนไว้
 แต่สูตรนี้ใช้น้ำเปล่าแทนน้ำมะพราว

พอได้ทั้ง 2 อย่างแล้ว ให้เอาคาราเมลมาคลุกกับบัตเตอร์ครีมให้เข้ากัน ก็จบแล้ว
ต่อไปกลับที่คัพเค้ก

วิธีสอดไส้นูเตลล่าและถั่วเฮเซลนัท

1. เจาะรูตรงกลางเค้ก เราใช้มีดเล็กตัด



2. บีบนูเตลล่าไปครึ่งนึง ยัดถั่วเฮเซลนัทที่สับหยาบไปตรงกลาง
และบีบนูเตลล่าปิด ตกแต่งด้วยฟรอสติ้งคาราเมลบัตเตอร์ครีมตามใจชอบเลยค่ะ




ให้เจ้าของวันเกิด

วันพฤหัสบดีที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2553

Martha's Blueberry Muffin: มัฟฟินบลูเบอร์รี่สูตรป้ามาร์ธา

กลับมาโหมดขนมเหมือนเช่นเคยนะคะ
หายไปเสร่อทำ macarons มาแต่ไม่ดูอากาศบ้านเมืองว่าทั้งชื้นทั้งฝน
เลยออกมาเป็นที่ไม่น่าพอใจเท่าที่ควร
ที่ทำเพราะว่ามีไข่ขาวเก่าประมาณ 4 ฟองได้แล้วเสียดายไม่อยากทิ้ง
เดี๋ยวรออากาศปลอดโปร่งกว่านี้จะกลับมาทำโปรเจคท์นี้ใหม่

ช่วงนี้เห็น Tops ลดราคาบลูเบอร์รี่ จากกล่องละ 189 เหลือ 99 บาท
เลยสอยมาหนึ่งกล่อง ก็แช่ไว้ 3 วันไม่ได้เอามาทำไรเลย
เห็นบลูเบอร์รี่ก็นึกถึงมัฟฟินบลูเบอร์รี่ของ Starbucks นะเพราะของเขาอร่อยใช้ได้
แต่ก็ไม่รู้หรอกว่าทำแล้ว มันจะออกมาเหมือนของ Starbucks หรือไม่
เรามาดูกัน
สูตรได้มาจากป้ามาร์ธา เพราะดูน่าเชื่อถือได้ 100% อยู่แล้ว
คิดว่าถ้าไม่เหมือน ก็คงทานได้จริงมิ

Blueberry Muffin


ส่วนผสม


เนยจืดอุณหภูมิห้อง 56 กรัม
น้ำตาล 1/2 ถ้วย
แป้งสาลีอเนกประสงค์  1 ถ้วย
ผงฟู 1 ช้อนชา
เกลือ 1/4 ช้อนชา
ไข่ไก่เบอร์ศูนย์ 1 ฟอง
วนิลา 1 ช้อนชา
นมสดรสจืด 1/4 ถ้วย
บลูเบอร์รี่สด 1 ถ้วย

*เราเอามาทำแค่ครึ่งสูตร ทำได้ประมาณ 6 ถ้วย
สูตรจริงๆต้องดับเบิ้ลนะคะ ได้ 12 ถ้วย


วิธีทำ

1. ร่อนแป้ง+ผงฟู+เกลือเข้าด้วยกัน 2 รอบ

2. วอร์มเตา 185 องศาเซลเซียส

3. เอาเนยที่หั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าใส่ชาม ตีสปีดกลาง
แล้วทยอยใส่น้ำตาลทรายลงไป ตี 3 นาทีจนขึ้นผู และสีอ่อนลง
คอยปาดอ่างเป็นระยะๆ
ตีเสร็จแล้ว น้ำตาลอาจจะไม่ละลายหมดแต่ไม่เป็นไรค่ะ


4. ตีต่อด้วยสปีดกลางเช่นเคย
ค่อยๆเทไข่ที่ผสมวนิลาลงไป ถ้าทำเต็มสูตรก็ค่อยเทละครั้งละฟองนะคะ
ตีพอเข้ากัน อย่าตีนาน ปิดเครื่อง


5. .ใส่แป้ง ตีด้วยความเร็วสูงแค่พอเข้ากัน แป๊ปเดียว อย่าตีนาน


6. ใส่นมตามลงไป ตีแค่ให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน หยุดเครื่อง


7.เทบลูเบอร์รี่ลงไปในแบทเทอร์ ตะล่อมให้พอเข้ากัน


8. เรียงใส่พิมพ์ เทลงในถ้วยกระดาษประมาณ 1/2 ของถ้วย
โรยหน้าด้วยน้ำตาลเม็ดใหญ่


9. นำเข้าอบ 185 องศาเซลเซียส ประมาณ 20-30 นาที
ของเราสุกดีและหน้ามัฟฟินเป็นสีน้ำตาลทองประมาณนาทีที่ 20



10. เอาออกมาจากพิมพ์ วางบนตะแกรงให้หายร้อน ประมาณ 10 นาที


สรุปผลออกมาว่าเนื้อยังไม่ moist เท่าของ Starbucks แต่ข้างในนุ่มโอเค
รสเปรี้ยวของบลูเบอร์รี่และความหวานของแป้งตัดกันดี
จะไปทำการศึกษาต่อ ถ้าได้สูตรตามที่ต้องการแล้วจะมาแชร์ใหม่นะคะ