วันพุธที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2553

Salmon Salad with Vinaigrette: สลัดวินนะเกรทแซลมอน


เมนูนี้ขอเอาใจคนรักสุขภาพหน่อยนะคะ
ส่วนผสมบังคับของอาทิตย์นี้ก็เหมือนเดิม คือ ปลาแซมอน นั่นเอง
กินกันให้ฉลาดไปเล๊ยยยยยย
ว่าแล้วก็ขอเสนอเมนู สลัดแซลมอนกับน้ำวินนะเกรท นะคะ
วินนะเกรท (Vinaigrette)ก็คือ น้ำสลัดที่ทำจากน้ำมันกับน้ำส้มสายชูหมักจากองุ่นหรือผลไม้ นั่นเอง
รสชาติจะกลมกล่อม หวานอมเปรี้ยวอมเค็ม มัน มีเกือบหมด
ทำให้การกินผักไม่เป็นเรื่องยากอีกต่อไป
Salmon Salad with Vinaigrette
ส่วนผสมหลัก
ปลาแซมอนแล่
ผักสลัด (ร็อคเก็ต, เรดเคอรัล แต่เราใช้ผักครอส )
มะเขือเทศเชอร์รี่ย์
มะกอกดำ (ไม่มี เลยใช้เลมอนแทน)
Key คือ ใช้ของสดๆ ผักคุณภาพดี
น้ำสลัดวินนะเกรท
ส่วนผสม
บัลซามิก (น้ำส้มสายชูกลั่นจากองุ่น) 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันมะกอก 3 ช้อนโต๊ะ
ไข่ไก่ตีแล้ว 1/2 ฟอง
มัสตาร์ดดิจง (Dijon Mustard) 1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำผึ้ง เกลือ พริกไทยดำ ไว้ปรุงรส



วิธีทำ
เอาส่วนผสมทั้งหมด ยกเว้นน้ำผึ้ง เกลือ พริกไทย ใส่กระบอกที่มีฝาปิดแน่น
แล้วเช็คๆๆเหมือนทำค็อกเทล เช็คให้เข้ากันดี จากนั้น
เอามาปรุงรสด้วยน้ำผึ้ง 1/2 ช้อนโต๊ะ เกลือ 1 หยิบมือ และพริกไทยดำบดเล็กน้อย
นำไปราดลงบนผักสลัด โนยหน้าด้วย parmigiano ฝานบางๆ ขอบอกว่าอร่อยมาก!!!

วันอังคารที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2553

Salmon Teriyaki: ปลาแซมอนย่างซีอิ๊ว

เห็นท่าว่าอาทิตย์นี้จะต้องกินปลาแซมอนไปทั้งอาทิตย์แน่ๆ
ทุกวันนี้ก็นั่งคิดเมนู ตอนนี้ก็กำลังคิดของพรุ่งนี้อยู่เนี่ย 55
เมื่อซักครู่เพิ่งทำปลาแซมอนย่างซีอิ๊วไป จริงๆแล้วก็ทำง่ายเหมือนเดิม เครื่องปรุงมีนิดเดียวเอง
ก่อนอื่นต้องมาผสม
ซอสเทริยากิไว้หมักและเป็นซอสราด (สำหรับ Salmon fillet 3 ชิ้นใหญ่)
ซีอิ๊วญี่ปุ่น (Kikkoman) 6 ช้อนโต๊ะ
เหล้ามิรินรสหวาน 3 ช้อนโต๊ะ
เหล้าสาเกสำหรับปรุงอาหาร 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทรายแดง 1 ช้อนโต๊ะ
1. นำส่วนผสมทั้งหมดข้างบนมาผสมกัน ลองชิม ใครชอบหวานก็อาจจะใส่น้ำตาลเพิ่ม
(ขวดเขียว คือ Ryorishu สาเก หวานหอม / ขวดกลาง คือ เหล้ามิริน เปรี้ยวๆ / ขวดฝาแดงคือ คิคโคแมน)
ทั้งหมดนี้สมนาคุณจาก Gourmet The Emporium
2. นำปลาไปหมักด้านละ 15-20 นาที พอครบเวลาก็กลับด้านหมักเท่ากัน เพื่อให้ซอสเข้าเนื้อ
3. พอครบเวลาก็เก็บน้ำซอสไว้และนำกระดาษหรือผ้ามาซับเนื้อปลาให้แห้งทุกด้าน เพื่อรอไปย่าง

4. ตั้งไฟกลางๆอย่าแรงมาก เนื้อปลาด้านนอกจะไหม้ก่อน
ใช้เตาถ่านหรือกระทะเทฟลอนก็ได้ จริงๆอยากใช้เตาถ่านมากแต่ไม่มี
เอาแปรงทาซอสที่หมักบนปลา ย่างจนแห้งทั้ง 2 ด้าน
ทำซ้ำ แปรงจุ่ม ทา ย่างให้แห้ง
ใช้เวลาประมาณ 5 นาที
ต้องดูดีๆ เพราะปลาบอก "สุกกันเถอะเรา เศร้าไปทำไม..." สุกง่ายมากกกก
5. ตักใส่จานราดด้วยซอสหมักเตรียมเสิร์ฟคู่กับหัวไชเท้าขูดหรือน้ำซุปมิโซะร้อนๆ อ้าาาาา!!!





วันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2553

Spicy Salmon: ปลาแซมอนแช่น้ำปลา

และแล้วก็ลาภปาก ได้ปลาแซมอนมาฟรีหลายต่อนอยู่เหมือนกัน แว๊ก!ไม่ใช่ปลาร้า

นี่มันก็กลางดึก ง่วงๆอยากกินอะไรที่มัน ไลท์ๆ ซาบซ่าๆ ตื่นตัวนิดหน่อย quickyๆ

จับมาแช่น้ำปลาซะเลย ง่ายดี ของในครัวก็มีครบแล้ว
อันดับแรกก็งัดพระเอก นั่นคือ ปลาแซมอนสีสวย มาจับแล่บางหนาตามความชอบ เสร็จแล้วจับแช่ฟรีซ

จากนั้นปลีกตัวไปทำน้ำยำราด

เตรียม

น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ

น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ

น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา

กระเทียมสับละเอียด

พริกขี้หนูตำโขลกสับตามสไตล์แต่ละคน

__มาผสมกันเป็นน้ำยำ ชิมแล้วจะออกเปรี้ยวๆเผ็ดๆคล้ายน้ำจิ้มซีฟู๊ด__

พอจะกินก็เอามาราดปลาแซมอนเลย แซ่บอีหลี!!!!!!!!!!!!!!!

เกร็ดความรู้เล็กๆน้อยจากวิชา Elem : Salmon อ่านออกเสียงว่า แซ๊-เมิ่น ไม่มีเสียง L นะคะ

Clam Chowder: ซุปครีมหอยลาย

โอ้ววว วันนี้มีเมนูเด็ดๆ รับรองว่าอร่อยชัวร์และเหมือนเดิม ทำง่ายนิดเดียว แต่ยากมาก .. แอร๊ย ไม่ใช่
เราไม่อมพะนำไว้อร่อยไว้คนเดียว ต้องแชร์ให้สาธารณชนได้เอร็ดกันทั่วบาง
พอดีซื้อหอยลายแบบแกะเปลือกมาไว้เยอะแล้วมันเหลือ
อารมณ์แบบเย็นๆนะวันนี้ อยากหาอะไรอุ่นๆกิน ก็มาลงตัวที่
Clam Chowder หรือ ซุปครีมหอยลายนั่นเอง

Clam Chowder ซุปครีมหอยลาย (3-4 ที่)

ส่วนผสม

หอยลายแกะเปลือก 1 1/2 - 2 ถ้วย

เบคอน เท่าที่มี

มันฝรั่งหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1 หัว

หอมหัวใหญ่สับละเอียด 1/2 หัว

แป้งสาลีเอนกประสงค์ 2 ช้อนโต๊ะ

นมสด 3/4 ถ้วย

วิปปิ้งครีม 3/4 ถ้วย

พริกไทย เกลือ


ขั้นตอนการเตรียม

1. ต้มหอยในน้ำเดือดนานประมาณ 2 ชัวโมงแต่ลักไก่เพราะหิว เลยเหลือครึ่งชั่วโมง ตั้งไฟอ่อนๆ
พอเสร็จแล้วเราจะได้น้ำซุปจากหอยเก็บไว้ผัด ตักแต่ตัวหอยออกมาพักไว้
2. เราหันไปผัดกันบ้าง เตรียมกะทะ ใส่น้ำมัน1ช้อนโต๊ะ ทอดเบคอนให้กรอบแล้วตักเบคอนออกมา
เหลือแต่น้ำมันจากเบคอนไว้ผัดต่อ

3. เอาหอมหัวใหญ่ลงไปผัดในน้ำมันเบคอนเมื่อครู่นี้ พอเหลืองอ่อนก็ใส่มันตาม ผัดให้เหลือง

4. เอาแป้งสาลีลงมาผัดตามให้เข้ากันและแป้งละลายหมด

5. จากนั้นเอาน้ำซุปหอยลายที่ต้มไว้ข้อ 1 มาใส่ต่อ เคี่ยว 15 นาที ไฟอ่อน

6. พอ 15 นาทีแล้ว น้ำจะงวดและข้น ให้ใส่หอยลายลงไปผัดตาม ไฟปานกลางค่อนอ่อน

7. ตามด้วยนมและวิปปิ้งครีม พอเริ่มเดือดให้ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทยหรือซุปผงเล็กน้อย
คนให้เข้ากัน พอมีฟองเดือดอีกครั้ง ปิดไฟ

8. เสิร์ฟร้อนๆ โรยหน้าด้วยเบคอนทอดกรอบหรือจะจิ้มกับขนมปังกรอบๆก็อร่อยค่ะ คอนเฟิร์ม!!!


วันอาทิตย์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2553

Banoffee Pie

บานอฟฟี่ พาย (Banoffee Pie) เป็นขนมที่ทำกินบ่อยตั้งแต่ยังไม่มีเตาอบเลย
เพราะว่าไม่ต้องใช้ แถมยังทำได้ง่ายมาก ใช้เวลาทำแป๊ปเดียวเอง
ส่วนผสมอย่างหนึ่งที่จำเป็นคือ คาราเมล
คำว่า Banoffee ก็มีที่มาจาก Banana + Toffee ตัวท๊อฟฟี่ก็คือคาราเมลนั่นเอง
วันนี้จะแชร์สูตรคารเมลที่ใช้ส่วนผสมแค่ไม่กี่อย่างและยังใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที
ไม่ต้องมานั่งตุ๋นนมข้นหวาน 3 ชั่วโมงให้เปลืองแก๊สแบบก่อนแล้ว
Banoffee Pie
ส่วนผสม
โอรีโอ้ (เอาครีมออก) 1 ซองยาว
เนยเค็มละลาย 3 - 4 ช้อนโต๊ะ
คาราเมล (ดูวิธีทำคาราเมลด้านล่าง)
semisweet ช็อคโกแลตชิพหรือช็อคโกแลตสับหยาบ
กล้วยหอมหั่นเป็นแว่น 2 ลูก
วิปปิ้งครีม 3 ถ้วย
น้ำตาลไอซิ่ง 2 ช้อนโต๊ะ


เรามาเตรียมคาราเมลกันก่อนเป็นอย่างแรกนะคะ
ส่วนผสม
น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
เนย 3 ช้อนโต๊ะ
วิปปิ้งครีม 1/2 ถ้วย



ขั้นตอนการทำคาราเมลภายใน 3 นาที
1. ตั้งหม้อบนไฟแรง เทน้ำตาลทรายลงไป คนๆๆๆจนน้ำตาลละลายเหลว

2. เมื่อน้ำตาลละลายจนหมด ปิดไฟ ยกหม้อลงจากเตา
(ต้องรีบยกออกจากเตา ไม่งั้นจะไหม้และขม)
ใส่เนยลงไป คนให้ละลายจนหมด และค่อยๆเทวิปปิ้งครีมคนให้เข้ากัน
3. ใส่ชาม เอาไปแช่เย็น คาราเมลจะข้นๆ


จากนั้นเรามาทำตัวครัสท์ของพายกันต่อ
1. บดโอรีโอ้ให้ละเอียดหยาบๆ บางคนก็เอาโอรีโอ้ใส่ถุงซิปล็อคแล้วทุบๆ แต่เราเอาใส่ครกตำๆ
เอาเนยเค็มไปละลายในไมโครเวฟไฟแรงนาน 40 วินาที

2. เอาเนยละลายคลุกกับโอรีโอ้บด ให้เหมือนทรายเปียกๆ จากนั้นกรุลงพิมพ์
เราใช้พิมพ์ขนาด 9 นิ้ว กดให้แน่น แช่เย็นทิ้งไว้



3. เอาช็อคโกแลตชิพไป double boil (หม้อซ้อนหม้อต้มน้ำ)
จนช็อคโแลตละลาย

4. เทลงไปบนครัสท์โอรีโอ้ แช่เย็นต่อ

5. เอากล้วยหั่นเป็นแว่นขนาดเท่ากัน คลุกน้ำมะนาว
กันกล้วยเป็นสีน้ำตาลดำๆ ไม่สวย

6. เอาคาราเมลที่แช่ไว้เมื่อสักครู่ มาคลุกกับกล้วย แล้วเรียงบนครัสท์ที่ราดช็อคโกแลต
แช่เย็นทิ้งไว้ เมื่อจะรับประทาน ก็เอาวิปครีมมาโปะหน้า
ควรแช่พักประมาณ 3 ชั่วโมงขึ้นไปให้ตัวครัสท์แข็งตัวพอดี

วิธีตีวิปปิ้งครีม
เอาไม้ตี ชามสเตนเลสใบเล็กใส่วิปครีม และชามใบใหญ่แช่น้ำแข็งกับน้ำในช่องฟรีซ
แช่ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที
เอาออกมาวางซ้อนกันตามรูปด้านล่างและใส่น้ำตาลไอซิ่งตีให้ขึ้นฟู
วิธีตามโพสท์อันเก่า http://yv3lin3.blogspot.com/2010/06/blog-post.html
บีบใส่หน้าพายและตกแต่งด้วยการร่อนผงโกโก้



วันเสาร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2553

Alfredo sauce: สปาเกตตี้ครีมซอส




วันนี้พูดถึงเมนูที่มีสปาเกตตี้ ใครก็คงจะคิดว่าต้นตำรับมาจากอิตาลีเจ้าเดิม

แต่จริงๆแล้วซอสอัลเฟรโด (Alfredo) นี้มีต้นกำเนิดจากอเมริกา

ถ้าไปสั่งเมนูนี้ที่อิตาลี คนอิตาเลียนอาจจะงงได้

แต่งานนี้จะอิตาลีหรือไม่ เราไม่สนเพราะว่ามันอร่อยมาก แถมทำง่ายอีกตั้งหาก

ไอ้เจ้าซอสอัลเฟรโดนี้เข้าใจว่าหลายๆคนคงจะสับสนกับคาร์โบนารา


ว่าแล้วก็มาดูความแตกต่างกันนะคะ


Spaghetti with Alfredo Sauce (1 person)

ส่วนผสม



เนยจืด 2 ช้อนโต๊ะ

วิปปิ้งครีม 1/2 ถ้วย
กระเทียมสับ 1 กลีบ
ชีส Parmigiano ขูด 1/2 ถ้วย
แฮม เห็ดฌองปิยงหรือหอยลาย
เส้นสปาเกตตี้หรือเฟตตูชินี่
พริกไทย เกลือ
ใบพาร์สลี่ย์สับ
วิธีทำ
1. ต้มน้ำจนเดือดจัด ใส่เกลือและน้ำมันมะกอกนิดหน่อยลงไป ตามด้วยเส้นสปาเกตตี้
ดูระยะเวลาที่ซองว่าต้มสุกกี่นาที เมื่อครบกำหนดเทน้ำทิ้งเอาเส้นคลุกกับน้ำมันมะกอกทิ้งไว้
2. ตั้งกะทะบนเตาด้วยไฟอ่อน ใส่เนยลงไปละลาย


3. เมื่อเนยละลายหมด ใส่วิปปิ้งครีมลงไป ผัดให้เข้ากัน ใส่กระเทียมสับ ใส่ชีส ปรุงรสด้วยพริกไทยและเกลือ
จากนั้นใส่แฮมหรือหอยลายลงไป จนครีมข้น ปิดไฟ

4.) เอาเส้นลงไปคลุกในกะทะ เทใส่จาน เสิร์ฟได้เลย

วันศุกร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2553

Very Chocolate Cake


เมื่อวานเป็นวันเกิดแฟน เราก็เลยจัดไปตามระเบียบ
เค้กช็อคโกแลต 2 ปอนด์เต็มๆ
ส่วนใหญ่มีแต่คนนิยมเค้กช็อคโกแลตหน้านิ่ม
เคยทำครั้งนึงแล้วส่วนตัวไม่ค่อยชอบหน้าเค้ก (Frosting)
คือชอบแบบช็อคโกแลตมันเข้มข้นสะใจ
ลองหาสูตรเอามาดัดแปลงเล็กน้อย
ตัวเค้กเป็นเนื้อช็อคโกแลตชิฟฟ่อนเอามาจากของคุณจุ๋ม
ส่วนหน้าเค้กก็ลองๆเอานู่นนิดนี่หน่อยมาผสมกัน
สำหรับใครที่อยากลองของใหม่ๆก็แนะนำสูตรนี้เลยค่ะ
ต้องขอบอกว่าตอนทำรีบมากๆ ไม่ถึง 40 นาทีเสร็จ กลัวให้เจ้าภาพไม่ทัน
รูปขั้นตอนก็เลยไม่ค่อยละเอียด


VERY CHOCOLATE CAKE
เค้กช็อคโกแลตเข้มข้น


ส่วนผสมจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนเพื่อความง่ายและเร็ว


ส่วนที่ 1 ของแห้ง

แป้งเค้ก 85 กรัม
ผงฟู 1/4 ช้อนชา
เบคกิ้งโซดา 1/2 ช้อนชา
เกลือ 1/4 ช้อนชา
น้ำตาลไอซิ่ง 100 กรัม
ผงโกโก้ 25 กรัม


ส่วนที่ 2 ของเหลว
น้ำ 3/4 ถ้วย
นมข้นจืด 25 กรัม
ไข่แดง 2 ฟอง
น้ำมะนาว 1/2 ช้อนชา
น้ำมันพืช 65 กรัม
กลิ่นวนิลา 1/2 ช้อนชา


ส่วนที่ 3
ไข่ขาว 2 ฟอง
ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/4 ช้อนชา
น่ำตาลทราย 50 กรัม


วิธีทำ
1.) แยกไข่ขาว ไข่แดง / วอร์มเตาที่ 180 C
2.) ร่อนส่วนผสมที่ 1 สองครั้งในอ่างผสมใบใหญ่ เสร็จแล้วทำหลุมตรงกลางรอไว้
3.) นำส่วนผสมที่ 2 ทั้งหมดเทรวมกันในอ่างใบเล็ก ตีให้เข้ากัน หลังจากนั้นเทใส่หลุมตรงกลางในอ่างส่วนผสมที่ 1

คนให้เข้ากันดี อย่าคนนานเกินไป เดี๋ยวเมื่อย
4.) นำไข่ขาวกับครีมออฟทาร์ทาร์ใส่อ่างใบกลาง ตีด้วยเครื่องตีไฟฟ้าความเร็วสูง เมื่อเกิดฟองหยาบๆให้ใส่น้ำตาลทรายลงไป ตีให้ตั้งยอดอ่อน เสร็จแล้วตีด้วยความเร็วต่ำอีก 1 นาทีเพื่อตัดอากาศ
5.) นำส่วนผสมไข่ขาวค่อยๆแบ่งใส่ในอ่างใบใหญ่ข้อ 3 ค่อยๆตะล่อมให้เข้ากัน อย่าทำแรงไม่งั้นไข่ขาวจะยุบตัว ค่อยๆผสมจนหมด เทใส่พิมพ์ขนาด 8 นิ้วหรือ 2 ปอนด์ ปูกระดาษไข ไม่ทาน้ำมัน

6.) อบที่ 180 c นาน 30 นาที พอนาทีที่ 20-25 ค่อยเอาไม้จิ้มฟันเช็คว่าเค้กสุกหรือยัง ถ้าสุกแล้วก็เอาออกมาก่อนได้
อบนานไปไม่งั้นเค้กจะแห้งร่วน
7.) รอให้หายร้อน ค่อยๆใส่สปาตูล่าร์แซะข้างๆ เอาเค้กออกจากพิมพ์ ผึ่งไว้บนตะแกรง หรือถ้าใจร้อนก็แช่ตู้เย็นซัก 5 นาที


8.) เมื่อเค้กหายร้อน ให้สไลซ์เป็น 2 ชิ้น เพื่อทาฟรอสติ้งตรงกลาง
ต่อไปเรามาดูส่วนผสมหน้าเค้ก
Chocolate Frosting

ผงโกโก้ 5 ช้อนโต๊ะ
นมสด 600 CC
เนยจืด 50 กรัม
แป้งข้าวโพด 60 กรัม
ดาร์คช็อคโกแลตสับ 100 กรัม
วิธีทำ
นำส่วนผสมทุกอย่างใส่หม้อ คนให้เข้ากัน อาจจะอุ่นนมก่อนแล้วเอาผงโกโก้ไปละลาย
เพราะโกโก้ละลายยาก เสร็จแล้วตั้งไฟอ่อนๆ คนไปเรื่อยๆ ประมาณ 10 นาที เมื่อใกล้จะข้น ปิดไฟ




เอาดาร์กช็อคโกแลตมาใส่ คนให้ละลายเข้ากัน เทใส่ชาม แช่ตู้เย็นประมาณครึ่งชั่วโมง
ระหว่างนั้นตรวจเช็ค เอาออกมาคนๆบ้าง
เสร็จแล้ว เอาออกมาทาเค้กให้ทั่ว


ตกแต่งหน้าเค้ก




ทาด้วยสปาตูล่าร์เป็นคลื่น ประดับตัวอักษรด้วยมาร์ชแมลโลว์ฟ้งดองในบล็อคก่อนหน้านี้
เค้กตัวนี้จะนุ่มมากๆแต่ก็ยัง moist ด้วยช็อคโกแลตเข้มข้นพิเศษ
ควรเก็บแช่เย็นในกล่องที่มีฝาปิด และควรนำออกมาไว้นอกตู้เย็น 1 ชั่วโมงก่อนเสิร์ฟค่ะ